Customer Journey Map เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค เนื่องจากการใช้เครื่องมือนี้ จะต้องมีการวางแผนในระดับปฏิบัติการ ทำให้แผนกลยุทธ์ที่สร้างมานั้นสามารถนำมาปฏิบัติได้จริง และมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น
โดยสามารถสรุปความสำคัญของ Customer Journey Map ได้ตามนี้
นอกจากนี้ Customer Journey Map ของเรา ยังทำงานด้วยระบบติดตามผล ทำให้สามารถเห็นผลการดำเนินงานแบบ real time ได้ทันที ทำให้สามารถปรับแผนได้เร็ว โดยไม่จำเป็นต้องรอรายงานสรุปจากพนักงาน
ระบบติดตามการติดอันดับของแต่ละ Keywords ใน Google โดยรายงานในหมวดนี้มี รายงานย่อยตามนี้
รายงานพฤติกรรมของคนเข้าเว็บ โดยมีการเชื่อมข้อมูลกับ Google Analytics เพื่อดึงข้อมูลมาจัดเรียงใหม่ โดยมีรายงานย่อยตามนี้
รายงานที่แสดงข้อบกพร่องและสิ่งที่ควรปรับปรุงสำหรับเว็บไชต์ เพื่อให้การทำ SEO เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด รายงานในหมวดนี้มีรายงานย่อยตามนี้
รายงานการวิเคราะห์คู่แข่งของ Keyword เป้าหมาย ทำให้ทราบว่า คู่แข่งนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน และมีจุดอ่อนตรงไหน ใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดกลยุทธ์ด้านเนื้อหา และ จำนวน Backlink ที่จะทำได้
การเขียนบทความตามหลัก SEO นั้น จะทำให้เว็บไชต์ได้ ผู้เข้าชมเว็บแบบฟรี ๆ โดยลงทุนเพียงแค่ครั้งเดียวต่อบทความ ดังนั้นถ้าสร้างบทความคุณภาพ ด้วย keywords ที่เหมาะสม และทำให้ติดหน้าแรก Google ได้ จะมีต้นทุนในการดึงผู้เข้าชมเว็บ ต่ำกว่าการโฆษณาทั่วไป
แต่ทั้งนี้ การจะทำให้บทความติดหน้าแรกได้นั้น จำเป็นต้องทำ OffPage SEO อย่างเลี่ยงไม่ได้ ยกเว้น Keywords ที่ลูกค้าจะให้ติดอันดับมีคู่แข่งน้อยมาก ๆ ดังนั้นบริการให้คำปรึกษาของเราจะมีการทำ OffPage SEO ให้ด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการหลักของเรา
บริการดูแล และตอบคำถามเบื้องต้นเกี่ยวกับสินค้า และบริการให้กับลูกค้า โดยเรามีทีมงานในการดูแลการตอบคำถามตลอดช่วงเวลาทำการ โดยระบบที่เรารับดูแลคือ Facebook, Twitter และ Line
ให้บริการระบบ ERP แบบครบวงจร โดยใช้ Odoo ซึ่งเป็นระบบ ERP มาตรฐานระดับโลกเป็นพื้นฐานในการพัฒนา โดยตัวระบบรองรับตั้งแต่ การขาย, การบริหารลูกค้า (CRM), การบริหารพนักงาน (HRM), การผลิต, คลังสินค้า และบัญชี โดยทุกส่วนงาน มีการเชื่อมข้อมูลกันทั้งหมด
ลูกค้ารายนี้ เราเน้นให้บริการด้านการให้คำปรึกษาและสร้าง Lead เป็นหลัก เนื่องจากลูกค้ามีเว็บไชต์อยู่แล้ว โดยในเดือนแรกของการทำงาน เราสามารถเพิ่มยอดคนเห็นโฆษณาได้มากกว่า 1,262% (เมื่อเทียบกับเดือนก่อน) ยอดคลิ๊กเพิ่มขึ้นมากกว่า 196% (เมื่อเทียบกับเดือนก่อน) และลดค่าโฆษณาลงได้ 36% (เมื่อเทียบกับที่ลูกค้าจ่ายในเดือนก่อน) ซึ่งผลงานที่ได้ตามนี้ เพราะเรามีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และเลือกใช้กลยุทธ์ที่ดีที่สุด และประหยัดที่สุดให้กับลูกค้าของเรา
โปรแกรมสำหรับงานขายแบบครบวงจร ซึ่งมีฟังก์ชั่นการใช้งานในระดับ ERP เลยทีเดียว โดยโปรแกรมมีจุดเด่นคือ มีระบบแชทที่สามารถเชื่อมต่อกับ Facebook และ Line ได้ และ สามารถเชื่อต่อคลังสินค้าเข้ากับ Lazada และ Shopee ได้ด้วย
ลูกค้ารายนี้ เรายังให้บริการดูแลการตลาดออนไลน์ให้ด้วย โดยมีการทำตลาดทั้ง Google Adwords และ Facebook Ads โดยใช้กลยุทธ์เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับ Niche ทำให้ส่งโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรง และใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยในช่วง 3 เดือนแรก เราได้จัดสรรงบประมาณโฆษณา เพื่อตอบโจทย์ในการสร้าง Band awareness เป็นหลัก แต่ก็มีแบ่งงบบางส่วนการสร้าง Lead ไปด้วยพร้อมกัน
จุดเด่นของบริการนี้ คือ ความสามารถในการติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ระบบการติดตามของเรา สามารถรู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้มีคนเข้าเว็บกี่คน และอยู่ที่หน้าไหน โดยดูได้จาก Map ที่สร้างไว้ได้เลย
โดยทั่วไปการวางแผนส่วนใหญ่ มักจะวางแผนในภาพรวม หรือบางคนอาจจะลงลึกถึงระดับการแผนปฏิบัติการ แต่ด้วยระบบของเราจะถูกบังคับให้วางแผนถึงวิธีการติดตามผลด้วย ซึ่งเป็นการวางแผนแบบที่องค์กรใหญ่ ๆ ที่ใช้คนที่มีทักษะสูงทำกัน
ดังนั้น แผนการตลาดจะถูกประเมินและลูกค้าก็จะสามารถปรับแผนได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องรอรายงาน หรือ รอสิ้นเดือน ซึ่งอาจจะช้าเกินไป
ใช้ได้ครับ ระบบนี้ออกแบบเพื่อใช้ในการวางแผนการตลาดทั้งระบบ ดังนั้นจึงสามารถใช้กับแผนการตลาดได้ทุกรูปแบบ เพียงแค่ การตลาดแบบออฟไลน์ จะไม่สามารถติดตามผลได้ตลอดเหมือนแบบออนไลน์
แต่ในบางกรณี เช่น การโทร ทางเราก็ยังพอมีทางที่จะสามารถติดตามได้อยู่ครับ ทำให้เราได้วันและเวลาที่เกิดการโทรได้ และนำสถิติการโทรนี้มาร่วมประมวลผลกับพฤติกรรมคนเข้าเว็บได้อีก ทำให้สามารถใช้ข้อมูลไปทำตลาดกับ Facebook ได้แม่นยำมากขึ้นด้วย
(ข้อมูลเบอร์โทร เราสามารถวางระบบให้เราเข้าดูไม่ได้ และให้โชว์เฉพาะสถิติของวันและเวลา โทรเข้า-โทรออกเท่านั้น)
ระบบใช้โค้ด Javascript พิเศษในการตรวจสอบพฤติกรรมผู้ที่เข้าเว็บ และ ลิงค์พิเศษในการติดตาม แหล่งที่มาของผู้เข้าเว็บ เช่น มาจาก Google Ads หรือ มาจาก Facebook เป็นต้น
Onpage SEO คือ การปรับเว็บไชต์ให้สอดคล้องกับระบบของ Google ทำให้ Google จัดผลการค้นหาของเว็บไชต์ตามที่เราต้องการ ซึ่งหัวใจสำคัญ คือ เนื้อหาของเว็บไชต์ และ ความเร็วของเว็บไชต์
Offpage SEO คือ การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไชต์ ด้วยระบบ Blog Network ซึ่งเป็นงานที่ใช้เวลา มีค่าใช้จ่ายสูง ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ร่วมด้วย เนื่องจากการทำระบบ Blog Network แบบไม่ระวัง จะถูก Google ถอดเว็บไชต์ออกจากผลการค้นหา
บทความที่เราเขียน จะเขียนตามหลักการของ SEO ซึ่งจะส่งผลต่อการแสดงผลบน Google ซึ่งบทความประเภทนี้ จัดเป็นหนึ่งในการทำ SEO ประเภท Onpage SEO
บทความที่เราเขียนให้นั้น จะมาจากการจ้างผู้เชี่ยวชาญให้เขียนให้ ดังนั้นจะมีคุณภาพสูง ในกรณีที่หัวข้อของบทความมีความเฉพาะเจาะจงมากจนเราหาคนเขียนให้ไม่ได้ เราก็จะแจ้งลูกค้าให้ทราบ
เวลาในการเขียนบทความจะขึ้นอยู่กับความยากของหัวข้อ แต่โดยปกติแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์
ปกติทีมงานของเราจะตอบคำถามทันที แต่ในบางช่วงเวลาอีกจะมีช้าบ้าง ไม่เกิน 30 นาทีครับ ยกเว้น ตอนกลางคืนหลังจาก 3 ทุ่มไปแล้ว อาจจะต้องขอตอบในวันถัดไปแทน
ระบบการทำงานของเราจะมีการหาลิงค์มาโพส หรือ เขียนเนื้อหาโพสให้ทุกวัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหัวข้อเนื้อหาที่ลูกค้าเลือก และพฤติกรรมของคนในเพจ ทั้งนี้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาก เฉลี่ยจะมีการโพส 2-3 วันต่อครั้ง เนื่องจากก่อนโพสแต่ละครั้งเราจะมีการวิเคราะห์เนื้อหาก่อนว่า เหมาะสมไหม? และ มีประโยชน์ต่อคนในกลุ่มไหม? ถ้าไม่ผ่าน ก็จะไม่โพส เช่น เพจขายอาหารเสริม เพื่อสุขภาพ เราจะไม่โพสลิงค์หรือเรื่องเกี่ยวกับละคร, การเมือง และ ข้อมูลสุขภาพที่ไม่เหมาะสม กับเพจ
การทำแบบนี้ จะให้ทำเพจมีแต่เนื้อหาที่มีประโยชน์จริง ๆ และทำให้คนที่เข้าเพจมา ติดตามและมีส่วนร่วมในเพจ มากกว่าการโพสโดยเน้นแต่ปริมาณอย่างเดียวครับ
เนื่องจากลูกค้า แต่ละคน มีความต้องการไม่เหมือนกัน ค่าบริการของเราจึงเปลี่ยนไปตามความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ค่าบริการสูงสุดของเรานั้น จะไม่เกิน 14,000 บาท ต่อเดือน ครับ (ถูกกว่าเงินเดือนขั้นต่ำพนักงาน...)
และค่าบริการนี้ ยังไม่รวม ค่าโฆษณา และ ค่าสร้างเนื้อหาออนไลน์ ครับ ส่วนสาเหตุที่เราต้องคิดแยก เพื่อความโปร่งใสในการทำงาน เราจะให้ลูกค้าชำระค่าโฆษณากับทาง Google และ Facebook เอง
ซึ่งจะทำให้ข้อมูลสถิติการโฆษณาจะอยู่กับบัญชีของลูกค้า และลูกค้าจะมั่นใจได้ว่า งบประมาณที่ใช้นั้น มีการใช้จริง ไม่มีการยักยอกงบไปใช้ในเรื่องอื่นครับ
ในมุมมองของลูกค้าบ้างคน อาจคิดว่า ยุ่งยาก แต่ลองคิดดูนะครับ ถ้าข้อมูลสถิติการโฆษณา 5 ปี ซึ่งใช้สำหรับวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้ อยู่ในมือของคนอื่น โดยที่เขาสามารถห้ามไม่ให้ลูกค้าเข้าดูข้อมูลได้ มันจะน่ากลัวขนาดไหนครับ ?
การทำงานของเรา เน้นความโปร่งใส และสบายใจ เป็นหลัก จึงเลือกแนวทางนี้ครับ
นอกจากนี้ การรวบรวมข้อมูลมาเพื่อวิเคราะห์นั้น จำเป็นต้องใช้ Server ช่วยครับ ทำให้เรามีต้นทุนรายเดือนต่างหาก โดยเรามีการรวบรวมข้อมูลจากไหนมาใช้บ้าง แนะนำให้ไปที่หน้า เกี่ยวกับเรา ครับ
สำหรับค่าโฆษณา ทางเราไม่มีการจำกัดขั้นต่ำ และให้ลูกค้าเป็นผู้กำหนดเอง
สำหรับค่าสร้างเนื้อหาออนไลน์ ในกรณีเขียนบทความ คิดบทความละ 1,000 บาท และค่าดูแล Social Network คิดเดือนละ 7,000 บาท (ถูกกว่าเงินเดือนขั้นต่ำ) โดยราคาขึ้นอยู่กับความถี่ในการโพส และความถี่ในการตอบคำถามทั้งใน Line และ Facebook ยิ่งต้องมีการตอบคำถามมาก ราคาก็จะมากขึ้น เพราะเราต้องหาคนมาดูแลเพิ่มครับ
ทั้งนี้ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้โทรมาคุยกันดีกว่าครับ
มีครับ จริง ๆ แล้ว เรายังมีระบบอื่นอีก เพื่อใช้ในการวิเคราะห์กลยุทธ์ คือ
ระบบที่กล่าวมาทั้งหมด ทางเราจะนำมาใช้เพื่อวิเคราะห์และแนะนำกลยุทธ์สำหรับสร้าง Customer Journey Map ที่มีประสิทธิภาพครับ ทั้งนี้รายงานจากระบบนี้ เราจะใช้เพื่ออ้างอิงถึงเหตุผลของแต่ละกลยุทธ์ที่เราแนะนำครับ
และที่สำคัญ ระบบรายงานทั้งหมดนี้ ถ้าลูกค้าต้องการเข้าดู ทางเราสามารถให้เข้าดูได้ โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่มครับ เพราะข้อมูลเป็นของลูกค้า
สร้างคุณค่าให้ธุรกิจของลูกค้า โดยให้บริการตั้งแต่ การออกแบบเว็บไชต์ การเขียนโค้ดรายงานพิเศษ การให้บริการพื้นที่เว็บไชต์ การโฆษณาออนไลน์ และการให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด